top of page

ดื่มด่ำในยามเย็นและชีวิตของมนุษย์ เพลง Abendempfindung an Laura โดย W. A. Mozart

  • Writer: Theda27
    Theda27
  • Aug 4, 2019
  • 1 min read

Updated: Jun 6, 2021



บทเพลง อาเบนท์เอ็มพ์ฟินดุง อาน ลอรา (Abendempfindung an Laura - คิดคำนึงในยามเย็นถึงลอร่า) หรือชื่อเพลงสั้นๆ ว่าอาเบนท์เอ็มพ์ฟินดุง เป็นเพลงประเภทลีดท์ (Lied) สำหรับนักร้องและเปียโน โดยเป็นผลงานลำดับที่ K. 523 ประพันธ์โดยคีตกวีชาวออสเตรียในยุคคลาสสิกผู้โด่งดัง โวล์ฟกัง อมาเดอุส โมสาร์ท (Wolfgang Amadeus Mozart 1756-1791) ตัวบทกลอนเขียนโดยนักกวีชาวเยอรมัน โยอาคิม ไฮนริค์ คัมเป้ (Joachim Heinrich Campe 1746-1818)


โมสาร์ทได้ประพันธ์เพลงนี้เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ค.ศ. 1787 หลังจากที่เขาได้สูญเสียบุคคลที่สำคัญยิ่งในชีวิตไปคือพ่อของเขา เลโอโพล์ด (Leopold Mozart 1719-1787) ผู้ที่เสียชีวิตไปในเดือนพฤษภาคมปีเดียวกั จึงทำให้มีคนคาดการณ์ว่าโมสาร์ทประพันธ์เพลงนี้ด้วยความรู้สึกที่มีต่อคุณพ่อที่จากไป โดยตัวบทกลอนนี้ถือเป็นสัญลักษณ์อย่างนึงของบทกวีของศตวรรษที่ 18 ซึ่งกล่าวถึงช่วงเวลายามเย็นที่ผู้เล่าเรื่องพูดถึงช่วงเวลาที่ผ่านพ้นไปของชีวิต ในไม่ช้าเราทุกคนจะตายจากไปและหยาดน้ำตาของเพื่อนฝูงก็จะไหลรินบนหลุมศพของพวกเรา ผู้เล่าเรื่องยังขอให้ลอร่าได้หลั่งน้ำตาแก่เขา เพื่อที่มันจะกลายเป็นไข่มุกงามประดับบนมงกุฏแห่งสวรรค์ของเขา โดยลอร่านั้นเป็นเหมือนชื่อที่ไว้ใช้เรียกหญิงผู้เป็นที่รักของนักกวี




 






Abend ist’s, die Sonne ist verschwunden,

ในยามเย็น ดวงอาทิตย์ได้เลือนลับไป

Und der Mond strahlt Silberglanz;

และดวงจันทร์ก็ฉายแสงเงินของมันออกมา

So entflieh’n des Lebens schönste Stunden,

แล้วชั่วโมงที่แสนหอมหวานของชีวิตก็ผ่านพ้นไป

Flieh’n vorüber wie im Tanz!

พริ้วไหวไวดังเริงระบำ!




 



Bald entflieht des Lebens bunte Szene,

ไม่ช้าชีวิตที่เปี่ยมด้วยสีสันก็จะจบลง

Und der Vorhang rollt herab.

แล้วม่านฉากก็เลื่อนปิดลงมา

Aus ist unser Spiel! Des Freundes Träne

การแสดงของพวกเราจบลงแล้ว! น้ำตาของมิตรสหายต่างหลั่งริน

Fließet schon auf unser Grab.

ร่วงหล่นบนหลุมศพของพวกเรา




 



Bald vielleicht mir weht, wie Westwind leise,

และไม่ช้านาน เหมือนกับสายลมที่แผ่วบาง

Eine stille Ahnung zu –

ความรู้สึกอันเงียบงันก็จะเข้ามาสู่เรา

Schließ’ ich dieses Lebens Pilgerreise,

และฉันคงต้องลาจากการเดินทางบนผืนดินนี้

Fliege in das Land der Ruh’.

เพื่อบินไปสู่ดินแดนแห่งการพักผ่อน




 



Werdet ihr dann an meinem Grabe weinen,

หากพวกคุณจะร่ำไห้ที่สุสานของฉัน Trauernd meine Asche seh’n,

แล้วไว้อาลัยให้กับกระดูกขี้เถ้าของฉัน

Dann, o Freunde, will ich euch erscheinen

ถ้างั้น มิตรรักของฉัน ขอให้ฉันได้ปรากฏต่อพวกคุณ

Und will Himmel auf euch weh’n.

และมอบลมหายใจแห่งสรวงสวรรค์ให้




 


Schenk’ auch du ein Tränchen mir

แล้วขอให้เธอได้ร่ำไห้แก่ฉันด้วยเถอะ

Und pflücke mir ein Veilchen auf mein Grab;

ขอให้เด็ดดอกไวโอเล็ตวางไว้บนสุสานของฉัน

Und mit deinem seelenvollen Blicke

ขอให้เธอผู้มีดวงตาเปี่ยมล้นด้วยความสงสาร

Sieh’ dann sanft auf mich herab.

ได้มองลงมาที่ฉันอย่างอ่อนโยนเถอะ




 



Weih mir eine Träne, und ach!

หลั่งน้ำตานี้ให้ฉันเถอะ อา! Schäme dich nur nicht, sie mir zu weih’n,

แล้วอย่าได้อายที่จะทำมันเลย Oh, sie wird in meinem Diademe

เพราะมันจะกลายเป็นไข่มุกเม็ดงามล้ำ

Dann die schönste Perle sein.

ที่ประดับอยู่บนมงกุฏแห่งสรรค์ของฉัน




 



สิ่งที่ซ่อนอยู่ในบทเพลง


ในช่วงเวลานั้นเครื่องดนตรีในช่วงศตวรรษที่ 18 ยังคงมีปัญหาในการตั้งเสียงเทียบเสียงให้ตรงและเสถียรด้วยอุปกรณ์และเครื่องที่ยังไม่สมบูรณ์จึงทำให้มีคนมองว่าแต่ถ้าบันไดเสียง (signature) ล้วนมีความหมายและอารมณ์ที่แตกต่างกันไปทำให้นักประพันธ์ในยุคนั้นจะใช้บันไดเสียงแบบมีความหมายในการเทียบอารมณ์ที่เข้ากันของบทเพลง และแนวคิดนี้ก็เป็นที่นิยมจนกระทั่งเริ่มหายไปเมื่อค้นพบวิธีการจูนเสียงที่มีประสิทธิภาพในช่วงปี 1917 เป็นต้นไป ดังนั้น เพลง Abendempfindung บทเพลงที่มีการสื่อถึงธรรมชาติและความสงบจึงอยู่ในบรรไดเสียงเอฟเมเจอร์ที่สื่อถึง 'ความสงบและความอ่อนโยน'




*สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมในลักษณะเฉพาะของแต่ละบันไดเสียงที่เขียนโดย คริสเตียน ชูบาส*




เกือบทั้งบทเพลงนี้เราจะได้ยินโน้ตเขบ็ตสองชั้นไล่เป็นเสียงอเพ็กจิโอที่จะหยุดเพียงแค่ตอนช่วงเปลี่ยนบันไดเสียงเท่านั้น เพลงนี้เริ่มต้นที่บันไดเสียงเอฟเมเจอร์ โดยเพลงจะผ่านช่วงเสียงประสานหลายครั้งในเฉพาะช่วงที่เน้นย้ำถึงคำกลอนที่พิเศษในเนื้อร้อง



ในท่อนที่ร้องว่า อีกไม่นานช่วงชีวิตที่แสนสวยงามก็จะถูกปิดฉากลง (Bald entflieht des Lebens bunte Szene, und der Vorhang rollt herab) โมสาร์ทได้ย้ายจากไปคีย์โดมิแน้นท์และหยุดเล่นโน้ตจังหวะแบบเขบ็ตสองชั้น และในท่อนที่พูดถึงน้ำตาที่ไหลลงมาของเพื่อนฝูง (Des Freundes Träne) โมสาร์ทก็กลับมาคีย์โดมิแน้นท์อีกครั้งแต่ว่ากลับมาในรูปแบบของไมเนอร์แทน เพื่อสื่อถึงอารมณ์ที่โศกเศร้าที่เหมือนกับว่าผู้ร้องต้องการให้ผู้ฟังร้องไห้เสียใจหน้าหลุมศพของตัวผู้ร้อง



หลังจากช่วงการประสานเสียงที่ย่ำไปมาในช่วงท่อนกลางของบทเพลง ท่อนของเปียโนก็กลับมาบรรเลงรูปแบบที่คล้ายกับในตอนต้นของบทเพลงอีกครั้งเพียงแต่ว่าเป็นทำนองใหม่ที่อยู่ในบรรไดเสียงเอฟเมเจอร์ ในตอนท้ายของบทเพลง โมสาร์ทเน้นย้ำท่อนซ้ำไปซ้ำมาในช่วงคำว่า 'ไข่มุกที่สวยความที่สุด' (Die schönste Perle) เพราะว่าที่ผ่านมาตัวเขานั้นนำพาบทเพลงออกห่างจากโทนิคหลักของบทเพลงมาตลอด เขาจึงทำเพื่อให้ผู้ฟังได้ยินถึงบรรไดเสียงที่แท้จริงของตัวบทเพลงนั่นเอง





:บทความเสริมเพลงนี้:

 

ข้อมูลเพิ่มเติม









Comments


©2019 by Operath. Proudly created with Wix.com

bottom of page